ช้างศึก หืดจับยันเจ๊า อิรัก 1-1 ลิ่วรอบตัดเชือกชิงตั๋วโอลิมปิก

 

“ช้างศึก”ชุดเล็ก เล่นแบบบีบหัวใจหลังโดนอิรักบุกหนัก ก่อนเก็บผลเสมอกับ 1-1 คว้า 1 แต้มสำคัญ ทะลุรอบ 8 ทีมสุดท้าย ศึก U-23 ชิงแชมป์เอเชีย ในฐานะรองแชมป์กลุ่ม เอ ได้ลุ้นตั๋วโอลิมปิกต่อไป

ศึกฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ วันอังคารที่ 14 มกราคม 2563 เป็นการแข่งขันนัดสุดท้ายรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอ ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ทีมชาติไทย พบ ทีมชาติอิรัก

ทัพ “ช้างศึก” เกมที่แล้วพลาดท่าพ่ายขุนพลจากแดนจิงโจ้ ออสเตรเลีย 1-2 ทำให้ลงเล่นไป 2 เกม มี 3 แต้ม จากการชนะ 1 แพ้ 1 เกมนี้ต้องการอย่างน้อยผลเสมอก็จะเพียงพอต่อการผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย

เกมนี้ อากิระ นิชิโนะ กุนซือชาวญี่ปุ่น จัดตัวแบบเซอร์ไพรส์ เปลี่ยนถึง 7 ตำแหน่งจาก 2 เกมที่ผ่านมา ส่ง พีฬาวัช อรรคธรรม เล่นแบ็คขวาแทน มีโชค มหาศรานุกูล, ส่ง ทิตาวีร์ อักษรศรี แทน ชินภัทร ลีเอาะ รวมถึงเปลี่ยนคู่กลาง มาใช้ วิศรุต อิ่มอุระ จับคู่กานต์นรินทร์ ถาวรศักดิ์ ใช้วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ เล่นเพลย์เมคเกอร์แทนสุภโชค สารชาติ และที่สำคัญคือส่ง เบนจามิน เจมส์ เดวิส เด็กจากฟูแล่ม ลงเล่นเป็นศูนย์หน้า ซึ่งเป็นการยืนตำแหน่งแบบ False9

ขณะที่ทีมชาติอิรัก เพิ่งมีเพียง 2 คะแนน จาก 2 เกม หลังจากเสมอ ออสเตรเลีย ในเกมแรก 1-1 และนัดก่อนไล่ตามตีเสมอบาห์เรนอย่างหืดจับ 2-2 เกมนี้พวกเขาต้องเก็บผลชนะให้ได้สถานเดียวเท่านั้น ถึงจะเพียงพอต่อการเข้ารอบ

เริ่มเกมมาเพียง 4 นาที ทีมชาติไทย ได้จุดโทษอย่างรวดเร็วจากจังหวะลูกเตะมุม ตอนแรกดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ทีมงานในห้อง VAR แจ้งสัญญาณเตือนมายังผู้ตัดสินต้องวิ่งไปดูจอ VAR ข้างสนามเพื่อเช็คอย่างละเอียด ปรากฎว่าบอลไปโดนแขนของแนวรับทีมชาติอิรักจริง ผู้ตัดสินชี้ให้เป็นจุดโทษ และเป็นเจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ ซัดเข้าไปไม่พลาด ไทย ขึ้นนำ 1-0

น.8 อิรัก ได้โอกาสตอบโต้อย่างทันควัน จากลูกฟรีคิกนอกกรอบเขตโทษเยื้องมาทางฝั่งซ้าย ก่อนเปิดเข้ามาให้ อับดุลอับบาส อายัด ได้โหม่ง แต่เบาเกินไป กรพัฒน์ นารีจันทร์ ล้มตัวรับเอาไว้ได้

น.14 อิรัก ยังเดินหน้าบุกอย่างต่อเนื่อง มูรัด โมฮัมหมัด หลุดมาทางริมเส้นฝั่งขวา ก่อนเปิดมาให้ โมฮัมหมัด คาเซ็ม ได้โหม่ง บอลถากเสาออกไปนิดเดียวเท่านั้น ไทย ยังนำ 1-0 และอีก 1 นาทีถัดมา อิรัก เกือบได้ประตูตีเสมออีกครั้ง มูรัด โมฮัมหมัด ได้ยิงหน้ากรอบเขตโทษ แต่ยังติดเซฟของ กรพัฒน์ นารีจันทร์

น.21 ทีมชาติไทย เล่นบอลทะลุช่องกันได้สวย เกือบได้ประตูที่สอง จากจังหวะการจ่ายบอลจากแนวลึกทะลุมาให้ ศุภณัฐฏ์ เหมือนตา หลุดเข้ามาในกรอบเขตโทษ แต่เจ้าตัวยิงไปติดเซฟนายประตูอิรัก พลาดได้ประตูอย่างน่าเสียดาย

เวลาที่เหลือใน 45 นาทีแรก ทีมชาติอิรัก พยายามดาหน้าบุกอย่างต่อเนื่องเพื่อทวงประตูคืนให้ได้ แต่ยังทำได้แค่หวาดเสียว ขณะที่ ไทย อาศัยจังหวะสวนกลับได้น่ากลัวหลายครั้ง แต่ยังเปลี่ยนเป็นสกอร์ไม่ได้ จบครึ่งแรก ไทย นำ 1-0

ครึ่งเวลาหลัง ทีมชาติอิรัก ออกสตาร์ทได้อย่างยอดเยี่ยม และมาได้ประตูตีเสมออย่างรวดเร็ว 1-1 ในนาทีที่ 49 จากการทำประตูของ โมฮัมหมัด คาเซ็ม ศูนย์หน้าหมายเลข 9

นาทีที่ 55 อากิระ นิชิโนะ เฮดโค้ชช้างศึก แก้เกมอย่างรวดเร็ว เปลี่ยนผู้เล่นทีเดียว 2 คน รวด ด้วยการส่ง สุภโชค สารชาติ และ ศุภชัย ใจเด็ด ลงไปเล่นแทน เบนจามิน เจมส์ เดวิส และวิศรุต อิ่มอุระ

น.68 ทีมชาติไทย ที่อาศัยจังหวะรับแน่นแล้วสวนกลับ มาได้ลูกฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษ ระยะ 25 หลา เยื้องมาทางขวาเล็กน้อย เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ เข้ามาปั่นด้วยขวา บอลข้ามคานออกไปนิดเดียวเท่านั้น ยังเสมอกันอยู่ 1-1

ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมไม่มีใครทำอะไรกันได้ หมดเวลาการแข่งขัน 90 นาที ทีมชาติไทย เสมอ ทีมชาติอิรัก 1-1 เก็บ 1 คะแนนสำคัญ เพียงพอต่อการเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายด้วยการเป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม เอ ส่วนผลอีกคู่ ออสเตรเลีย เสมอ บาห์เรน 1-1 ทำให้ขุนพลแดนจิงโจ้ เข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม

โปรแกรมถัดไป ทีมชาติไทย จะรอพบทีมแชมป์ของกลุ่ม บี ที่ยังแย่งกันระหว่าง ซาอุดิอารเบีย, ซีเรีย และกาตาร์ โดยจะแข่งขันในวันที่ 18 มกราคม 2563 เวลา 17.15น. ที่สนามกีฬามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต จ.ปทุมธานี

รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม
ทีมชาติไทย : กรพัฒน์ นารีจันทร์ (GK), พีฬาวัช อรรคธรรม, ศฤงคาร พรหมสุภะ, ทิตาวีร์ อักษรศรี, ทิตาธร อักษรศรี, วิศรุต อิ่มอุระ, กานต์นริทร์ ถาวรศักดิ์, วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ, เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์, ศุภณัฐฏ์ เหมือนตา, เบนจามิน เจมส์ เดวิส

ทีมชาติอิรัก : อาลี คาดฮิม ฮาดี (GK), มุสตาฟา โมฮัมหมัด จาเบอร์, นาจ์ม ชวาน, อับดุลอับบาส อายาด, อาลา ราอัด, โมฮัมหมัด มาซาร์, อาลี คาซิม, โมฮัมหมัด เรดา จาลีล, ซาเดค ซามิล, มูรัด โมฮัมหมัด, โมฮัมหมัด คาเซ็ม